Month: พฤษภาคม 2020

แย่งซีนพระเยซู

เมื่อศิษยาภิบาลถามคำถามยากๆในชั้นเรียนเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซู ผมรีบยกมือขึ้นเพราะเพิ่งได้อ่านมา และผมอยากให้คนอื่นในห้องรู้ว่าผมก็รู้เรื่องนี้ด้วย แต่คิดไปคิดมา ผมเป็นอาจารย์สอนพระคัมภีร์ แล้วถ้าตอบผิดผมคงอายแทบแย่! ผมเริ่มกังวลเพราะกลัวตัวเองจะเสียหน้า ดังนั้น ผมจึงลดมือลง นี่ผมรู้สึกไม่มั่นคงถึงเพียงนี้เลยหรือ

ยอห์นผู้ให้บัพติศมามีวิธีการที่ดีกว่านั้น เมื่อสาวกของท่านบ่นว่า ผู้คนพากันละทิ้งยอห์นและหันไปติดตามพระเยซู ยอห์นบอกว่า ท่านดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ท่านเป็นเพียงผู้ส่งสาร “ข้าพเจ้ามิใช่พระคริสต์ แต่ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชา ให้นำเสด็จพระองค์...พระองค์ต้องทรงยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง” (3:28-30) ยอห์นรู้ดีว่า เหตุแห่งการดำรงอยู่ของท่านคือพระเยซู “ผู้เสด็จมาจากสวรรค์” และ “ทรงเป็นใหญ่เหนือทุกสิ่ง” (ข้อ 31) พระบุตรพระเจ้าผู้ประทานชีวิตให้เรา พระองค์จะต้องได้รับเกียรติและสง่าราศีทั้งสิ้น

เมื่อเราดึงความสนใจมาที่ตัวเอง เราก็กำลังเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนออกจากพระเจ้า และเพราะพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเพียงผู้เดียวและเป็นความหวังเดียวของโลก เกียรติยศชื่อเสียงใดๆก็ตามที่เราขโมยมาจากพระองค์จะกลับมาทำร้ายเราในที่สุด

ขอให้เราตัดสินใจถอยออกมา และหยุดแย่งซีนพระเยซู ซึ่งนั่นจะเป็นผลดีที่สุดทั้งต่อพระองค์ ต่อโลก และต่อตัวเราเอง

อ้าแขนต้อนรับ

เซย์ดีและครอบครัวของเขายึดปรัชญาที่ว่า “อ้าแขนและเปิดบ้าน” ผู้คนมักจะได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านของพวกเขา “โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความทุกข์ยาก” เขากล่าว นั่นคือลักษณะของครอบครัวที่เขาเติบโตมากับพี่น้องอีกเก้าคนในประเทศไลบีเรีย พ่อแม่ของพวกเขามักจะต้อนรับผู้อื่นเข้ามาในบ้าน เขาบอกว่า “เราเติบโตมาเป็นชุมชน เรารักซึ่งกันและกัน ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อกัน พ่อของผมสอนให้เรารักซึ่งกันและกัน ดูแลและปกป้องกันและกัน”

เมื่อกษัตริย์ดาวิดอยู่ในภาวะคับขัน พระองค์ได้พบกับความรักความห่วงใยแบบนี้ในพระเจ้า 2 ซามูเอล 22 (และสดุดี 18) เป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงเป็นที่ลี้ภัยของพระองค์มาตลอดชีวิต ดาวิดย้อนระลึกว่า “ในยามทุกข์ใจ ข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเจ้า ข้าพเจ้าร้องทูลต่อพระเจ้าของข้าพเจ้า จากพระวิหารของพระองค์ พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้า และเสียงร้องของข้าพเจ้ามาถึงพระกรรณของพระองค์” (2 ซมอ.22:7) พระเจ้าทรงช่วยกู้พระองค์จากศัตรู รวมถึงจากกษัตริย์ซาอูลหลายครั้ง ดาวิดสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงเป็นป้อมปราการและผู้ช่วยกู้ ผู้เป็นที่ลี้ภัยของพระองค์ (ข้อ 2-3)

แม้ความทุกข์ของเราอาจดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดาวิด แต่พระเจ้าทรงยินดีต้อนรับเมื่อเราวิ่งไปหาพระองค์ ผู้ทรงเป็นที่กำบังในยามที่เราต้องการ พระองค์ทรงอ้าแขนต้อนรับเราอยู่เสมอ เราจึง “ขอเชิดชูพระองค์” (ข้อ 50)

บทเรียนจากเด็กเล็กๆ

ขณะที่ฉันและเพื่อนนั่งรถเข้าไปที่สลัมแห่งหนึ่งในกรุงไนโรบี ประเทศ เคนยา เราหดหู่ใจมากเมื่อเห็นภาพความยากจนเบื้องหน้า แต่แล้วเราก็สดชื่นขึ้นดั่งมีน้ำชโลมใจเมื่อเห็นเด็กๆวิ่งมาพร้อมส่งเสียงว่า “Mchungaji, Mchungaji!” (ภาษาสวาฮีลีที่ใช้เรียก “ศิษยาภิบาล”) นั่นคือการตอบสนองที่เต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้เห็นผู้นำฝ่ายวิญญาณของพวกเขานั่งอยู่ในรถกับเรา เด็กๆร้องตะโกนอย่างสุภาพเพื่อต้อนรับผู้ที่พวกเขารู้ว่าคอยห่วงใยดูแลพวกเขา

เมื่อพระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มโดยทรงลา เด็กๆที่ชื่นชมยินดีก็อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เฉลิมฉลองพระองค์ด้วย “โฮซันนา แก่ราชโอรสของดาวิด ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ” (มธ.21:9,15) เสียงที่ดังก้องอยู่นั้นไม่ได้มีแค่เสียงสรรเสริญพระเยซู แต่ยังมีเสียงความโกลาหลของผู้รับแลกเงินที่พระเยซูขับไล่จากพระวิหารด้วย (ข้อ 12-13) นอกจากนั้น ผู้นำศาสนาที่เห็นพระเยซูสำแดงพระเมตตาออกมาเป็นการกระทำก็มีความ “แค้นเคือง” (ข้อ 14-15) พวกเขาแสดงความไม่พอใจเมื่อเด็กๆพากันสรรเสริญพระองค์ (ข้อ 16) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความขัดสนในใจของพวกเขาเอง

เราเรียนรู้ได้จากความเชื่อของบรรดาลูกๆของพระเจ้าที่ยอมรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก ไม่ว่าเขาจะมีอายุเท่าไหร่หรืออยู่ที่ใดก็ตาม พระองค์เป็นผู้เดียวที่ได้ยินคำสรรเสริญและเสียงร้องทูลของเรา และทรงห่วงใยช่วยเหลือเราเมื่อเข้ามาหาพระองค์ด้วยความไว้วางใจอย่างเด็กๆ

ความรักนิรันดร์

หลายปีก่อนลูกชายวัยสี่ขวบของฉันได้มอบกรอบรูปซึ่งมีหัวใจที่ทำด้วยไม้วางบนแผ่นโลหะ และมีคำว่าตลอดไปเขียนอยู่ตรงกลาง เขาบอกกับฉันว่า “ผมจะรักแม่ตลอดไปครับ” ฉันกอดขอบคุณเขาและบอกเขาว่า “แม่รักลูกมากกว่านั้นอีก”

ของขวัญล้ำค่านี้ยังยืนยันถึงความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของลูกชาย ในวันที่ยากลำบาก พระเจ้าทรงใช้ของขวัญอันแสนหวานนี้เพื่อปลอบโยนและหนุนใจฉัน ยืนยันว่าฉันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์

กรอบรูปนี้เตือนฉันถึงของขวัญแห่งความรักนิรันดร์ของพระเจ้าที่สำแดงผ่านพระวจนะ และยืนยันโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราวางใจในความดีของพระเจ้าที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และร้องสรรเสริญขอบพระคุณสำหรับความรักมั่นคงที่ดำรงเป็นนิตย์ได้เหมือนผู้เขียนสดุดี (สดด.136:1) เรายกย่องพระเจ้าว่าทรงยิ่งใหญ่กว่าและอยู่เหนือสิ่งอื่นใด (ข้อ 2-3) ขณะที่เราใคร่ครวญถึงความมหัศจรรย์ที่ไม่สิ้นสุด และความเข้าใจอันไร้ขีดจำกัดของพระองค์ (ข้อ 4-5) พระเจ้าผู้ทรงรักเราชั่วนิรันดร์นั้นเป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทรงควบคุมเหนือกาลเวลา (ข้อ 6-9)

เราชื่นชมยินดีได้เพราะรักนิรันดร์ที่ผู้เขียนสดุดีพูดถึงนั้น เป็นความรักเดียวกับที่พระผู้สร้างผู้จรรโลงโลกมอบให้บุตรของพระองค์ในวันนี้ ไม่ว่าเรากำลังเผชิญอะไร องค์ผู้สร้างเรายังคงอยู่กับเราและช่วยให้เรามีกำลังขึ้น โดยยืนยันว่าทรงรักเราอย่างสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณพระเจ้าที่เตือนเราเสมอ ถึงความรักอันไม่สิ้นสุดและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้!

ความเชื่อกับความสงสัย

หมิงเต็กตื่นขึ้นด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและคิดว่าเขาคงเป็นไมเกรนเช่นเคย แต่เมื่อลุกขึ้นจากเตียงเขาก็ทรุดลงบนพื้น เขาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์แจ้งว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หลังพักฟื้นได้สี่เดือน เขาสามารถใช้ความคิดและพูดคุยได้เหมือนเดิมแต่ยังคงเดินโขยกเขยก เขาต้องต่อสู้กับความรู้สึกสิ้นหวังบ่อยๆ แต่เขาก็ได้รับการปลอบประโลมจากพระธรรมโยบอย่างมาก

โยบสูญเสียทรัพย์สมบัติและลูกๆไปในชั่วข้ามคืน แม้จะได้รับข่าวที่ทำให้เจ็บปวดใจ แต่สิ่งแรกที่ท่านทำคือมองดูที่พระเจ้าด้วยความหวัง และสรรเสริญพระองค์ผู้เป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่ง ท่านยอมรับในการทรงครอบครองของพระเจ้าแม้ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย (โยบ1:21) เราประหลาดใจในความเชื่ออันเข้มแข็งนี้ แต่โยบก็ต้องต่อสู้กับความสิ้นหวังเช่นกัน เมื่อสุขภาพท่านย่ำแย่ลง (2:7) ท่านก็สาปแช่งวันที่ท่านเกิดมา (3:1) ท่านบอกเพื่อนและพระเจ้าตรงๆถึงความเจ็บปวดของตน แต่ในที่สุดท่านก็ยอมรับว่า ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีล้วนมาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า (13:15; 19:25-27)

ในความทุกข์ทรมาน เราอาจพบตัวเองเปลี่ยนไปมาระหว่างความรู้สึกสิ้นหวังและความหวัง ความสงสัยและความเชื่อ พระเจ้าไม่ต้องการให้เราแสดงความกล้าหาญขณะเผชิญความทุกข์ยาก แต่ทรงเชื้อเชิญให้เราเข้ามาหาพระองค์พร้อมกับคำถาม แม้บางครั้งความเชื่อเราอาจไม่มากพอ แต่เราวางใจได้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อเสมอ

ชายที่พูดไม่ได้

บ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในเมืองเบลีซ ชายบนรถเข็นกำลังนั่งฟังเด็กนักเรียนมัธยมชาวอเมริกันขับร้องเพลงเกี่ยวกับพระเยซูอย่างมีความสุข หลังจากนั้นวัยรุ่นบางคนพยายามสื่อสารกับเขา แต่กลับพบว่าชายผู้นี้พูดไม่ได้โรคเส้นเลือดในสมองแตกทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการพูดไป

เมื่อไม่สามารถสนทนากันได้ พวกเด็กๆจึงตัดสินใจร้องเพลงให้เขาฟัง เมื่อพวกเขาเริ่มร้องเพลง สิ่งอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น ชายที่พูดไม่ได้เริ่มร้องเพลง เขาร้องเพลง “พระเจ้ายิ่งใหญ่” ด้วยเสียงอันดังพร้อมกับเพื่อนใหม่ของเขา ด้วยความกระตือรือร้น

เป็นช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน ความรักที่ชายผู้นี้มีต่อพระเจ้าได้ทำลายกำแพงและนำมาซึ่งการนมัสการที่มาจากใจและเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี

เราต่างก็มีอุปสรรคในการนมัสการในบางครั้ง อาจจะเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์หรือการเงิน หรืออาจจะเป็นหัวใจที่เย็นชากับพระเจ้า

สิ่งที่เกิดขึ้นกับชายผู้นี้ย้ำเตือนเราว่า ฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้านั้นสามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ “พระองค์เจ้าข้า ข้าเฝ้ามองดูด้วยยำเกรง เพราะพระองค์เองเป็นผู้สร้างจักรวาล!”

คุณกำลังมีปัญหาในการนมัสการหรือไม่ จงใคร่ครวญถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าโดยอ่านข้อพระคำ เช่น สดุดี 96 แล้วคุณจะพบเช่นกันว่าอุปสรรคขัดขวางจะถูกแทนที่ด้วยการสรรเสริญ

คนกลางในการอธิษฐาน

บ่ายวันเสาร์หนึ่ง ฉันและครอบครัวแวะรับประทานกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขณะที่บริกรวางมันฝรั่งทอดกรอบและเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ลงบนโต๊ะ สามีฉันเหลือบตามองและถามชื่อเขา ก่อนจะพูดต่อว่า “ครอบครัวเราจะอธิษฐานร่วมกันก่อนรับประทานอาหาร คุณมีอะไรอยากให้เราอธิษฐานเผื่อมั้ยครับวันนี้” อัลเลน คือชื่อเขาที่เรารู้แล้ว มองดูเราอย่างประหลาดใจและกังวลเขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า เขาต้องอาศัยนอนบนโซฟาของเพื่อนทุกคืน รถของเขาก็เพิ่งเสีย และเขาไม่มีเงินเลย

ขณะที่สามีฉันทูลขอพระเจ้าอย่างเงียบๆ ให้ทรงจัดเตรียมสำหรับอัลเลนและสำแดงถึงความรักของพระองค์ ฉันคิดว่าการเป็นคนกลางอธิษฐานของเราคล้ายกับเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรับเรื่องที่เราร้องทูลและนำเราไปเชื่อมต่อกับพระเจ้า เมื่อเราตระหนักว่าไม่อาจจัดการกับชีวิตของเราได้ด้วยตัวเอง หรือเมื่อเราไม่รู้จะพูดอะไรกับพระเจ้า “พระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชน” (รม.8:27) สิ่งที่พระวิญญาณอธิษฐานนั้นเป็นสิ่งที่ลี้ลับ แต่เรามั่นใจได้ว่าสิ่งนั้นจะสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตเรา

ครั้งต่อไปที่คุณอธิษฐานขอการทรงนำ การจัดเตรียม และการปกป้องของพระเจ้าในชีวิตของผู้อื่น ขอให้การกระทำด้วยใจกรุณานั้นย้ำเตือนให้คุณรู้ว่าความต้องการฝ่ายวิญญาณของคุณเองก็กำลังถูกยกขึ้นต่อพระเจ้า ผู้ทรงรู้จักชื่อและใส่ใจในปัญหาของคุณเช่นกัน

การอภัยที่เป็นไปไม่ได้

ผู้ปลดปล่อยพบคำอธิษฐานนี้ถูกขยำจนยับยู่ยี่อยู่ในซากศพของผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันราเวนส์บรูก ซึ่งพวกนาซีได้ฆ่าผู้หญิงเกือบ 50,000 คน: ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่าทรงจดจำเฉพาะชายหญิงที่มีจิตใจดี แต่ระลึกถึงผู้ที่คิดร้ายด้วย โปรดอย่าจดจำความทุกข์ที่พวกเขาทำกับเรา แต่ขอระลึกถึงผลที่เกิดเป็นคำขอบพระคุณจากความทุกข์เหล่านั้น คือมิตรภาพ ความภักดี ความถ่อมใจ ความกล้าหาญ ความเอื้ออาทร และหัวใจที่ยิ่งใหญ่ และเมื่อพวกเขา เข้าสู่การพิพากษา ขอโปรดให้ผลที่ออกมาทั้งหมดเป็นการให้อภัยกับพวกเขา

ฉันไม่อาจจินตนาการถึงความกลัวและเจ็บปวดที่หญิงผู้ถูกทารุณนี้ได้รับ ฉันนึกไม่ออกว่าเธอต้องมีใจเมตตาเพียงใดถึงเขียนคำอธิษฐานนี้ได้ เธอทำในสิ่งที่เราคิดไม่ถึง คือแสวงหาการอภัยจากพระเจ้าให้กับผู้ที่ข่มเหงเธอ

คำอธิษฐานนี้สะท้อนถึงคำอธิษฐานของพระคริสต์ หลังทรงถูกใส่ร้าย ล้อเลียน ทุบตี และทำให้อับอายต่อหน้าฝูงชน พระเยซูทรงถูก “ตรึง...พร้อมกับผู้ร้ายสองคน” (ลก.23:33) การถูกตรึงในสภาพที่อ่อนแรงหายใจรวยริน ทำให้ฉันคาดหวังว่าพระองค์จะประกาศคำพิพากษาเหนือผู้ที่ทรมานพระองค์ และทูลขอการแก้แค้นและความยุติธรรมจากพระเจ้า แต่พระเยซูกลับอธิษฐานเผื่อคนเหล่านั้นซึ่งขัดแย้งกับแรงผลักดันที่อยู่ภายในมนุษย์ทุกคน “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่าเขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร” (ข้อ 34)

สิ่งที่พระเยซูทำนั้นดูเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ได้ทรงยกโทษให้กับเรา การอภัยที่เป็นไปไม่ได้นั้นไหลล้นออกมาอย่างเสรีโดยพระคุณของพระเจ้า

กำลังสำหรับเดินทางต่อ

ฤดูร้อนวันหนึ่ง ฉันต้องรับมือกับภารกิจที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เมื่อกำหนดส่งงานเขียนชิ้นสำคัญกำลังใกล้เข้ามาทุกที ฉันพยายามวันแล้ววันเล่าที่จะเค้นตัวหนังสือออกมา ฉันรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้และอยากยอมแพ้ เพื่อนที่ฉลาดคนหนึ่งถามฉันว่า “ครั้งสุดท้ายที่คุณรู้สึกสดชื่นคือเมื่อไหร่ คุณอาจต้องพักและหาอะไรอร่อยๆ ทานบ้าง”

ฉันรู้ทันทีว่าเธอพูดถูก คำแนะนำของเธอทำให้ฉันคิดถึงเอลียาห์และข่าวที่น่ากลัวซึ่งรับจากเยเซเบล (1 พกษ.19:2) แม้งานเขียนของฉันจะเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของผู้เผยพระวจนะ หลังเอลียาห์เอาชนะผู้เผยพระวจนะเท็จบนภูเขาคารเมล เยเซเบลก็ส่งสารมาว่านางจะไล่ล่าและฆ่าท่าน เอลียาห์สิ้นหวังและรอความตาย จากนั้นท่านหลับสนิทและมีทูตสวรรค์มาเยี่ยมพร้อมนำอาหารมาให้ถึงสองครั้ง หลังจากที่พระเจ้าทรงฟื้นฟูกำลังกายของท่าน ท่านก็มีกำลังเดินทางต่อไปได้

เมื่อ “ทางเดินนั้นจะเกินกำลัง” ของเรา (ข้อ 7) เราอาจต้องหยุดพักและเพลิดเพลินกับอาหารที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อเราหมดแรงหรือหิว เราจะยอมแพ้ต่อความผิดหวังหรือความกลัวได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อพระเจ้าทรงตอบสนองความต้องการทางร่างกายของเราผ่านทางทรัพยากรของพระองค์ในโลกที่หลงหายนี้ เราก็สามารถก้าวต่อไปในการรับใช้พระองค์

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา